สำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียนิวซีแลนด์ได้ปรับปรุงข้อกำหนดใหม่ในการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้
สำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (FSANZ) ได้ทำโครงการการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้อาหารให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกันมากขึ้น ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารได้มีข้อมูลในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และยังช่วยสนับสนุนธุรกิจอาหารให้มีการจัดทำฉลากที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นภายใต้ข้อเสนอการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ภาษาอังกฤษแบบธรรมดา (Plain English Allergen Labelling, PEAL) มีแนวโน้มที่จะใช้เป็นกฎหมายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 จากคำปรึกษาของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้นำร่างการวิจัยและข้อมูลสาธารณะสำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียนิวซีแลนด์ได้นำมาพัฒนาร่างรูปแบบต่างๆ ที่สอดคล้องกับหลักมาตรฐานอาหารที่มีอยู่ ซึ่งร่างดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียนิวซีแลนด์เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2563 และคณะรัฐมนตรีว่าด้วยกฎระเบียบด้านอาหารกำลังพิจารณาร่างข้อเสนอนี้ซึ่งหากไม่มีการขอทบทวนการเปลี่ยนแปลงใดๆ ข้อเสนอดังกล่าวจะใช้เป็นกฎหมายในเดือนกุมภาพันธ์
งานวิจัยใหม่เกี่ยวกับฉลากสารก่อภูมิแพ้ในอาหารนำเข้า
เมื่อเร็วๆ นี้นักวิจัยจากออสเตรเลียได้เผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับความชุก ประเภทและความถูกต้องของข้อมูลการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่นำเข้าจำนวน 429 รายการ ซึ่งนำเข้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่จำหน่ายในเมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย พบผลิตภัณฑ์กว่าหนึ่งในสี่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดกับผู้บริโภคที่เป็นโรคภูมิแพ้จากฉลากที่ไม่ถูกต้อง ผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าวรวบรวมจากซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ 5 แห่ง และร้านขายของชำจากเอเชีย 10 แห่ง ในพื้นที่ชานเมืองซิดนีย์ 7 แห่ง ในปี พ.ศ. 2559–2560 พบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการทดสอบจำนวน 66 ชนิด มีถั่วลิสง ไข่ นมและข้าวสาลี โดยร้อยละ 22 ของผลิตภัณฑ์ (n = 95) พบการติดฉลากข้อความแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้ (PAL) คำว่า “อาจมีอยู่ในปริมาณน้อยของ” เป็นข้อความในฉลากแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้ที่ใช้บ่อยที่สุดซึ่งมีอยู่เกือบร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ข้อความแจ้งเตือนในฉลากสารก่อภูมิแพ้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 69.5) เป็นภาษาอังกฤษ แต่ข้อความในฉลากแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้จำนวนมากเป็นภาษาจีน (ร้อยละ 19)
อัตราการเกิด Anaphylaxis ของออสเตรเลียตะวันตกกำลังเพิ่มขึ้น
ออสเตรเลียขาดระบบการรายงานโครงสร้างในการเก็บข้อมูลอุบัติการณ์การเกิด anaphylaxis ดังนั้นจึงไม่ทราบอุบัติการณ์ที่แท้จริงของการเกิด anaphylaxis โครงการแจ้งเตือนการเกิด anaphylaxis เพิ่งก่อตั้งขึ้นในรัฐวิกตอเรีย แต่มีให้บริการเฉพาะภายในรัฐเท่านั้น นักวิจัยในออสเตรเลียตะวันตกได้รวมชุดข้อมูลหลายชุดเข้าด้วยกันเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การเกิด anaphylaxis และอัตราการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ในช่วงปี พ.ศ. 2545 ถึง 2556
มีการใช้ชุดข้อมูลการบริหารสี่ชุดจากระบบเชื่อมโยงข้อมูลของออสเตรเลียตะวันตกที่แสดงการเข้าถึงรถพยาบาล การแสดงให้เห็นจำนวนผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉิน ผู้ป่วยที่เข้าพักในโรงพยาบาลและการลงทะเบียนการเสียชีวิต ผู้คนทั้งหมดจำนวน 12,637 คน (มีอายุเฉลี่ย 31.8 ปี) ที่มีประสบการณ์ anaphylaxis 15,462 เหตุการณ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2545 ถึง 2556 นี่คืออัตราการเกิด anaphylaxis รวมที่สูงกว่าที่เคยมีในรายงาน พบมีการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ anaphylaxis มากกว่า 5 เท่า ระหว่างปี พ.ศ. 2545 ถึง 2556 เหตุการณ์ที่เกิด Anaphylaxis จากอาหารเพิ่มขึ้น 1.9 เท่าในทุกเพศทุกวัย โดยอัตราสูงสุดพบในเด็กอายุ 0–4 ปี
25 วิธีในการใช้คำพูดว่า “อาจจะมี”
ความท้าทายของการติดฉลากแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้ (PAL) เป็นหัวข้อการสนทนาในที่ประชุม Food Allergy and Anaphylaxis Meeting (FAAM) ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 คุณ Sabine Schnadt ตัวแทนกลุ่มผู้สนับสนุนผู้ป่วยชาวเยอรมันได้นำเสนอข้อมูลตัวอย่างและแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ในการติดฉลากแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้สำหรับผู้ที่แพ้อาหาร การนำเสนอ FAAM ในปี ค.ศ. 2020 ครอบคลุมรายงานของสื่อ “อาจจะมี” การติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ในอาหารไม่น่าไว้วางใจ” เช่นเดียวกับในบทความ “ฉลากกำกับไม่ถูกต้อง: ความท้าทายและวิธีการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ในอาหารมีรายงานว่าคุณ Schnadt ได้ตั้งข้อสังเกตว่าทุกคนใช้ฉลากแจ้งเตือนสารก่อภูมิแพ้ในอาหารไม่เหมือนกันและดูเหมือนว่าไม่มีใครใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันของสารก่อภูมิแพ้ในระดับที่ไม่ปลอดภัย โดยได้นำเสนอหลักฐานการวิจัยเกี่ยวกับการขาดความไว้วางใจของผู้บริโภคกับข้อความสารก่อภูมิแพ้ “อาจจะมี” โดยได้เน้นถึงความจำเป็นสำหรับกฎระเบียบบนพื้นฐานการประเมินเชิงปริมาณและตามปริมาณอ้างอิง